วิธีเอาชนะคนที่ “เกลียด” ให้เปลี่ยนเป็นความรักแทน

 

บทความนี้  นำมาเขียนอีกครั้งเนื่องจากมีเพื่อนๆ หลายคนในเแฟนเพจ สอบถามวิธีแก้เมื่อมีคนไม่ชอบหรือเกลียด ทำอย่างไรดี  เชื่อว่าหลายคนคงมีปัญหาในการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานหรือแม้แต่ครอบครัวญาติที่น้องหรือคู่รักที่บางครั้งเจอสถานการณ์ที่เราไม่รู้สาเหตุทำไมเขาไม่ชอบเราหรือไม่ถูกใจ  หรือเกลียดเราทำไม   

การเอาชนะคนที่เกลียดเรา เป็นเรื่องจิตวิทยาสร้างสายสัมพันธ์ที่ดี ซึ่งมีผู้รู้นำไปแบ่งปันให้แรงบันดาลใจมากมาย เพราะเป็นหลักการทั่วไปเรื่องจิตวิทยาภายในจิตใจของเราเอง  การแก้ไขปัญหา เมื่อเราเจอผู้คนไม่ชอบเราหรือเกลียดเรา  ให้เริ่มเปลี่ยนจากมุมมองหรือความคิดของเราก่อนเป็นอันดับเริ่มแรก  เมื่อเรามีมุมมองที่เปลี่ยนไป  บุคคลรอบข้างสังคมรอบตัวเราก็จะเริ่มเปลี่ยนตามเช่นกัน   

สาเหตุคนที่ไม่ชอบเราหรือเกลียดมีหลากหลายสาเหตุ  :

พราะกฎแห่งธรรมชาติสร้างมนุษย์ไว้ 2 ด้านเสมอ ที่สิ่งในโลกใบนี้ มี 2 ด้าน ดังเช่นเหรียญมี 2 ด้าน จึงเป็นเรื่องธรรมชาติที่จะมีคนที่มีมุมมองไม่เหมือนเราหรือคิดเห็นไม่เหมือนเรา หรือแม้แต่ไม่ชอบเราหรือเกลียดเราแบบไม่ทราบสาเหตุ   ซึ่งไม่ใช่ทุกคนรักหรือชื่นชมในตัวเรา ถ้าเราเผลอทำตัวไม่ถูกไม่ควรไป คนบางกลุ่มอาจรอซ้ำก็ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ 
โลกไม่ได้เลวร้ายหรอก แต่แค่มนุษย์มีสองกลุ่มเสมอ…กลุ่มแรก กลุ่มด้านความคิดบวก  กลุ่มที่สองกลุ่มด้านความคิดลบ  จึงไม่แปลก หากจะมีทั้งคนที่ชอบเรา และ ไม่ชอบเรา แต่มันก็ไม่ใช่สาระสำคัญอะไร 
ที่สำคัญคือ.. คุณจะอยู่ภายใต้ความเกลียด หรือ ความไม่ชอบขี้หน้านี้อย่างไรให้เป็นสุข เรามี 5 วิธีดีๆในการรับมือกับคนที่เขาไม่ชอบขี้หน้าคุณ..และเราก็ยังมีความสุขได้มาฝาก
10 วิธีเปลี่ยนมุมมองในการรับมือคนที่เกลียดเรา
1. มีมุมมองใหม่ที่เข้าใจในสิ่งที่เขาเป็น

ผู้ที่ทำตัวน่ารังเกียจส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาและปฏิเสธที่จะแก้ไขหรือแม้แต่ที่จะรับรู้ด้วยซ้ำ สาเหตุที่พวกเขาเกลียดคุณ

อาจเป็นเพราะพวกเขาไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น เค้าถึงอิจฉาคนอื่น

สิ่งที่พวกเขาเกลียดจริงๆแล้วมันคือสิ่งที่พวกเขาแอบชื่นชอบในตัวคุณ (อิจฉาคุณ)

อย่าเกลียดคนที่อิจฉาคุณ แต่.. จงให้เกียรติที่เขาอิจฉาคุณ เพราะอย่างน้อยๆเขาก็ตระหนักได้ว่า คุณมีดีกว่าจนเขาอิจฉา ดังนั้น พอพวกเขามีปัญหากับคุณโปรดเข้าใจว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลย แต่มันเป็นปัญหาของพวกเขาเอง

พยายามอยู่ห่างๆ จากคนเหล่านี้และลองคิดในมุมมองของพวกเขาแทนที่จะรู้สึกเกลียด คุณอาจจะสงสารพวกเขาแทนก็ได้

2. มีมุมมองด้านน้ำใจ แสดงน้ำใจ

บางทีอาจพูดง่ายแต่ทำยาก อย่างไรก็ตามคุณควรมีน้ำใจแม้แต่กับคนที่ไร้น้ำใจกับคุณ การแสดงน้ำใจไม่จำเป็นต้องสนใจว่าคุณจะได้รับผลตอบแทนมากน้อยแค่ไหน

คุณไม่ควรไปตัดสินผู้อื่นจากคำพูดของพวกเค้า แต่สิ่งที่พวกเขาปฏิบัติต่อคุณต่างหาก คือสิ่งที่สะท้อนมุมมองและพฤติกรรมของพวกเขาเอง คนไร้น้ำใจส่วนใหญ่มักจะทำตัวไร้มารยาทกับตัวเอง ที่สำคัญยังลามไปถึงคนรอบข้างด้วย

3. มีมุมมองขอบคุณเขา อวยพรให้เขาจากใจจริง

หากคุณจะหลับคำวิจารณ์ หรือ คำติฉินนินทา ยังไงก็หลบไม่พ้นหรอก ดังนั้นคุณอย่าคิดมากไปเลย จงเมินเฉยใส่พวกเขาและถ้าอวยพรให้พวกเขาได้ก็จงทำซะ คำสาปแช่งหรือคำพูดร้ายๆก็จะย้อนกลับไปหาผู้พูดเองแหละ

“ใครดีมา ให้ดีตอบ เราจะได้เป็นคนดีแบบเขา ใครเลวมา เราไม่ต้องเลวตอบ เพราะ เราไม่ใช่คนเลวแบบเขา”

4. มีมุมมองปล่อยวาง ไม่ใส่ใจ มองข้ามไปบ้าง

คนมันเกลียด พูดอะไรหรือทำอะไรให้พวกเขาก็ยังเกลียดเราอยู่ดี ฉะนั้นอย่าไปใส่ใจเลย ทางที่ดีคือเราอย่าไปสนใจคำพูดหรือเก็บมันมาคิดให้รกสมอง ทางใครทางมันดีกว่า แล้วใช้ชีวิตของเราเองให้มีความสุข วิธีนี้นอกจากจะทำให้ความเกลียดเบางบางลงแล้ว ยังทำให้ปัญหาที่อาจขึ้นในอนาคตหมดไปด้วย

5. มีมุมมองไม่โต้กลับ อย่าไปจงเกลียดจงชัง

ใครเกลียดเราก็อย่าไปโต้กลับ ไม่เกลียดตอบเขา เพราะไม่งั้นคุณอาจจะกลายเป็นคนน่ารังเกียจเสียเอง ให้อภัยพวกเขา อวยพรให้เค้าจากใจจริงและอย่าลืมมีน้ำใจและมอบความรักให้แก่พวกเขาด้วยล่ะ

6. มีมุมมอง หลีกเลี่ยงการวิจารณ์คนอื่น

สิ่งแรกที่ต้องเรียนรู้ในการรับมือกับคนอื่นคือ หลีกเลี่ยงการวิจารณ์และการตัดสินคนอื่น เราไม่ควรโทษหรือบ่น ไม่ใส่ร้าย ไม่ดูหมิ่นคนอื่น แต่ควรเข้าใจและพยายามค้นหาเหตุผลที่คนเหล่านั้นทำ พยายามหาคำตอบว่าทำไมเค้าทำแบบนั้น อะไรที่อยู่เบื้องหลัง สนับสนุนและแสดงความเห็นอกเห็นใจ แสดงความสงสาร อดทนและใจกว้าง มีน้ำใจต่อคนอื่น

คนเรามักจะชอบให้คนอื่นปฏิบัติดีกับตัวเอง ดังนั้นเราจึงควรรู้จักบังคับและควบคุมอารมณ์ของตัวเอง เพื่อลดหรือหลีกเลี่ยงการแสดงความเห็นในแง่ลบ


เราไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของใครได้ด้วยการวิจารณ์หรือการตัดสิน เพราะคนเหล่านั้นมีแรงผลักดัน สิ่งที่อยู่เบื้องหลังไม่ใช่เหตุผล แต่มันคืออารมณ์ เวลาที่ถูกคนอื่นวิจารณ์ เรามักจะรับฟังด้วยอารมณ์มากกว่าใช้เหตุผล เราจะรู้สึกราวกับว่ากำลังถูกทำร้าย มันเป็นการแสดงออกทางธรรมชาติที่จะต้องป้องกันตัวเอง และหาทางตอบโต้

การวิจารณ์คนอื่นเป็นเรื่องง่ายและอาจเป็นเรื่องสนุกสำหรับเรา แต่ในระยะยาวมันจะทำให้คนอื่นชอบเราน้อยลง ดังนั้นเราจึงควรทำความเข้าใจ และให้อภัยคนอื่นในเวลาที่เค้าทำผิดพลาดหรือเวลาที่เค้ามองข้ามสิ่งสำคัญไป

7. มีมุมมองรู้ความต้องการของคนอื่น

เราแต่ละคนต่างมีความต้องการพื้นฐานหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น การมีสุขภาพดี การมีชีวิตที่ยืนยาว การได้กินดีอยู่ดี การได้นอนหลับฝันดีมีเงินใช้ และการเป็นคนสำคัญ เป็นที่ยอมรับนับถือของคนในสังคม

แรงขับดันสำคัญของคนเราคือการเป็นที่ยอมรับในสังคม เราต่างก็ชอบเวลาที่คนอื่นชม ต้องการให้คนมองว่าเราทำได้ดี เป็นแรงผลักดันที่ทำให้เราพยายามที่จะประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ

ลำพังแค่คำชมหรือคำขอบคุณที่จริงใจก็เพียงพอ โดยเฉพาะในเวลาที่เรารู้สึกเหนื่อยล้าไม่มีอารมณ์ที่จะพูดชมหรือขอบคุณใคร ถ้าเราพูดชมขอบคุณใคร เราจะเข้าใจถึงพลังความคิดในแง่บวกที่เราจะได้รับ มันจะทำให้เราเป็นคนที่น่าคบ

สิ่งสำคัญอีกอย่างคือการพยายามพูดคุยเรื่องที่คนอื่นสนใจและเรื่องที่สำคัญกับเค้า เพราะคนมักจะชอบเวลาที่พูดถึงสิ่งที่ตัวเองสนใจ เช่น เรื่องงาน งานอดิเรก

Talk to people about themselves, and they will listen for hours.


8. มีมุมมองแง่ดี ยิ้มและใส่ใจในตัวผู้อื่น


The secret of being interesting yourself is simply to be interested in others.

 

รู้จักใส่ใจในตัวผู้อื่น มันจะทำให้เราเป็นคนที่น่าสนใจ และคนอื่นมักจะให้ความร่วมมือกับเรา

พยายามถามและจำชื่อหรือรายละเอียดของคนที่เพิ่งรู้จัก เมื่อมีโอกาสได้พบกันอีกครั้ง มันจะทำให้เค้ารู้สึกเป็นคนพิเศษ

สร้างความประทับใจด้วยรอยยิ้ม การยิ้มเป็นการแสดงออกว่าเราชอบคนๆ นั้น ทำให้น่าคบและดูเป็นมิตร การยิ้มจากใจจะช่วยดึงดูดคนอื่นๆ เข้าหาเรา

เมื่อมีคนยิ้มให้เรา เราก็มักจะรู้สึกชอบคนๆ นั้นทันที การยิ้มเป็นการแสดงออกว่ามีความสุขและเมื่อเรามีความสุข คนอื่นๆ ก็มักจะรู้สึกมีความสุขไปกับเราด้วย

 

อารมณ์ดีทำให้เรายิ้ม และเมื่อเรายิ้ม มันก็จะทำให้เราอารมณ์ดีขึ้นได้เช่นกัน ฝึกตัวเองให้ยิ้มอยู่เสมอ มันจะทำให้เราอารมณ์ดี ทำให้คิดบวกและมองโลกแง่ดี

 

ตัวอย่างเช่น

เมื่อทำผิดก็ต้องรู้จักยอมรับผิด และแสดงออกให้คนอื่นรู้ทันที คนเหล่านั้นจะให้อภัยและสนับสนุนเรามากขึ้น

ถ้าเรารู้จักใส่ใจ เราก็จะเป็นคนที่น่าสนใจ การที่จะทำให้ใครสักคนชอบเรา เราจะต้องสังเกตและแสดงออกถึงความใส่ใจในตัวคนๆ นั้น

อดทน ถึงแม้จะโกรธแต่ก็อย่าแสดงออกมา เราไม่สามารถชนะใจคนอื่นได้ ถ้าเราทำให้คนอื่นมองเราในแง่ลบ

ยอมรับฟังความเห็นของคนอื่น ฟังอย่างอดทนและเปิดใจ ปล่อยให้อีกฝ่ายแสดงความเห็นออกมาเต็มที่ จะทำให้เราเข้าใจมากขึ้น

ให้ความสำคัญกับการให้ความร่วมมือ ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกรับผิดชอบและออกความเห็นมากขึ้น

มองในมุมของคนอื่น เข้าใจสถานการณ์ ความต้องการ และแรงผลักดันของคนอื่น

แสดงความเห็นใจอีกฝ่าย ไม่ว่าเค้าจะคิดหรือต้องการอะไร ถึงแม้ว่าความเห็นไม่ตรงกัน แต่ก็ต้องแสดงให้เห็นว่าเราเข้าใจและเห็นใจ

Like what you read? Please share it with your friends so we can get their thoughts!

 

9. มีมุมมองเป็นผู้ตั้งใจฟัง เป็นผู้ฟังที่ดี

คนส่วนใหญ่ชอบที่จะเป็นฝ่ายพูดและไม่ชอบที่จะทนฟังความคิดเห็นของคนอื่น ต่างก็ชอบที่จะพูดถึงตัวเอง รู้สึกยินดีที่ได้แชร์สิ่งที่สนใจกับใครสักคน ดังนั้นถ้าเราจะให้คนอื่นชอบเรา เราก็ต้องรู้จักตั้งใจฟัง หยุดพูดแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายพูดไปเรื่อยๆ แล้วเราจะได้รับประโยชน์จากการตั้งใจฟังอย่างมาก

 

ยกตัวอย่าง เช่น Sigmund Freud เป็นคนที่มีความสามารถในการแสดงออกถึงความสนใจและตั้งใจฟัง และสิ่งที่เค้าได้รับกลับมาคือ การทำให้ผู้พูดสบายใจที่จะเล่าเรื่องราว เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และแสดงออกทางอารมณ์ได้ง่ายขึ้น

ตรงกันข้าม หากเราไม่หยุดพูด การที่เราไม่ฟังและคอยที่จะตอบโต้คนอื่น มันจะทำให้เรากลายเป็นคนที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ทำให้คนอื่นไม่ชอบเรา

10. หลีกเลี่ยงการโต้แย้ง

วิธีเดียวที่จะทำให้เราเอาชนะใครสักคนในเวลาที่เกิดการโต้แย้ง คือการหลีกเลี่ยงมันตั้งแต่แรก

 

การเอาชนะใครสักคนในการโต้แย้งมีแต่จะทำให้เราเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เพราะถึงแม้ว่าเราจะใช้เหตุผลโต้แย้งชนะ แต่เราก็ทำให้อีกฝ่ายเคียดแค้นที่ทำให้เค้าต้องเสียหน้า และสุดท้ายเราก็ไม่ชนะอยู่ดี ดังนั้นทางที่ดีคือหลีกเลี่ยงการโต้แย้งเสียแต่แรก

มุมมองความเห็นที่ไม่ตรงกันจะทำให้อีกฝ่ายปกป้องตัวเอง เมื่อเราท้าทายมุมมองของอีกฝ่าย มันจะทำให้เราถูกตอบโต้กลับมา ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่เห็นด้วย แต่เราก็ต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ระวังคำพูด ระวังภาษากาย และเริ่มต้นด้วยการเคารพความคิดเห็นของคนอื่น ยอมรับความเห็นที่แตกต่าง

ความเห็นที่แตกต่างเป็นสิ่งจำเป็น เพราะถ้าทุกฝ่ายคิดเหมือนกันหมด เราก็ไม่จำเป็นต้องมีหลายฝ่าย

ฟังความเห็นของอีกฝ่ายด้วยใจที่เปิดกว้าง ไม่ต้องพยายามหาข้อโต้แย้ง แต่ให้หาจุดที่เราจะเห็นตรงกันได้ และยอมรับหากเราคิดผิด เพราะมันจะทำให้ลดการป้องกันตัวเอง และลดการตอบโต้ปะทะกันกับอีกฝ่ายลงได้

ออกแบบตกแต่งปกและภาพประกอบ  จาก : canva : จาก pixabay

Ami Amornrat ผู้เขียนบทความ

ตู้ชั้นวาง E-book ตัวอย่างอ่านฟรี   <<คลิก>>




ตู้ชั้นวาง E-book ตัวอย่างอ่านฟรี สามารถเปิดอ่านตัวอย่างได้ โดยคลิกไปที่รูปภาพ <<คลิกที่รูปภาพที่ต้องการอ่าน>>

ความคิดเห็น

ฮอต

4 เคล็ดลับมือใหม่ เริ่มต้นเป็นนักเขียน E-book ขายออนไลน์ ทำเงินภายใน 1 เดือน สิ่งที่นักเขียนต้องรู้ #เขียนหนังสือ

7 วิธีแก้กรรม โดยแนวคิด Deepak Chopra กฎแห่งกรรม คืออะไร เราเกิดมามีกรรมจริงหรือ ?

รีวิว เขียนเป็นทำเงินง่ายๆ ประโยชน์จาก"Google" #AmiTeachWriter