7 วิธีแก้กรรม โดยแนวคิด Deepak Chopra กฎแห่งกรรม คืออะไร เราเกิดมามีกรรมจริงหรือ ?
วันนี้ ผู้เขียนนำเรื่อง กฎแห่งกรรมมาเขียน และวิธีแก้กรรม คนส่วนใหญ่มีความเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรมที่แตกแต่งกัน ตามความเชื่อที่ถูกปลูกฝั่งตั้งแต่เล็กจนโต โดยส่วนใหญ่มักเชื่อว่าตัวเองมีกรรมจากชาติบางก่อน หรือไม่ก็เชื่อว่า ชีวิตทุกวันนี้ ต้องมารับใช้กรรม
ไม่ว่าคุณจะเชื่อแบบไหน สุดท้ายแล้วความเชื่อนั้น สร้างความสุขหรือความทุกข์ภายในจิตใจของเรา นี่คือ คำถามที่คุณต้องถามตัวเอง หากความเชื่อไหนที่คุณรับรู้มาแต่มันสร้างความทุกข์ให้จิตใจของคุณ นั้นหมายความว่า จิตวิญญาณของคุณโต้งแย้งความเชื่อนั้น ความเชื่ออะไรที่เรารับมาไม่สร้างความสุขและไม่ทำให้ชีวิตดีขึ้น ให้มีสติและทบทวนสิ่งนั้น เพราะหากเรายังเชื่อสิ่งเดิมๆ ชีวิตจะดำเนินไปแบบเดิมๆ
ลองเปลี่ยนความเชื่อเสียใหม่ ให้เชื่อเฉพาะในสิ่งที่สร้างความรู้สึกดีและความสุขให้กับเราชีวิตคุณก็จะค้นพบสิ่งมหัศจรรย์แล้ว
ผู้เขียนได้นำหลักคิดในแง่เหตุและผล ที่สอดคล้องกับวิทยาศาสตร์มาเขียนเพื่อแบ่งปัน
กฎพลังธรรมชาติ ที่เรียกว่า ธรรมชาติแห่งชีวิต
"ดีและไม่ดี"
"ทุกข์และสุขอยู่ในธรรมชาติ"
มนุษย์ทุกคน
ทุกสังคมทั่วโลก มีจุดเริ่มต้นเหมือนกัน นั่นคือ ความรัก
เกิดมาเป็นหนึ่งชีวิตและสืบสาน "หน้าที่" คือหน้าที่ของความรัก คือ
การสรรหาหรือสร้างสถานที่อันอบอุ่นและปลอดภัยเพื่อนำอาหาร ความคุ้มครอง และการเรียนรู้
ศึกษาอบรมให้สามารถอยู่ในโลกต่อไปได้อย่างปลอดภัย เมื่อมีความรักและความรักเข้ามาในชีวิตแล้วเราจะหาวิธีทางให้คนที่เรารักก็มีความสุข มนุษย์มักจะทำทุกอย่างเพื่อคนที่เรารัก เช่น เงิน บ้าน
ความสะดวกสบาย ชีวิตที่ดี เพราะพวกเขาต้องการให้คนที่รักมีชีวิตที่ดี ความรักและหน้าที่ มันจะมาพร้อมกับความรักเสมอ
ดังนั้นหน้าที่ คือ "ความรับผิดชอบ"
จึงเป็นหน้าที่ของความรัก ไม่ใช่การบังคับ
แต่เป็นความเมตตาที่มีอยู่ในชีวิตของสัตว์โลก ตามกฎธรรมชาติ ทั้งหมดนี้เป็น
"ดี" กฎแห่งความดีภายในจิตใจของมนุษย์
มนุษย์ทำได้ดีจากภายในและส่งการกระทำของเขาออกไป เราเรียกมันว่า "มนุษยธรรม"
ดังนั้น ผู้มีมนุษยธรรมจึงต้องซึมซับ “ความรัก หน้าที่ ความรับผิดชอบ" ให้เข้าใจได้ง่ายๆ
เรียกว่า “ความดีตามกฎธรรมชาติ”
ยังคงมีสิ่งที่ดีกว่า
สูงและมีคุณค่าต่อสัตว์โลกโดยเฉพาะผู้คนมากมาย
ซึ่งถ้ารู้จักและนำไปใช้ก็จะทำให้เกิดสภาวะปกติแห่งความสุขแก่ผู้คนและสังคมอย่างสันติสุข
ตามหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา
เป็นหลักคำสอนที่สวยงามและเป็นวิทยาศาสตร์
ได้เล่าถึงกฎแห่งธรรมชาติและการปฏิบัติตนตามกฎธรรมชาติให้เป็นประโยชน์แก่ความสุข
จากปีติตามศีล ๕ สู่นิพพานอันเป็นสุข
กฎเกณฑ์ที่มนุษย์สร้างขึ้นเอง เช่น
ลัทธิ อุดมการณ์ ความเชื่อ นโยบาย กฎหมาย ระเบียบ รูปแบบ ฯลฯ ล้วนสร้างโดยมนุษย์
หากเป็นไปตามกฎธรรมชาติก็เป็นผลดี แต่กลับกันหากสร้างกฎแล้วส่งผลเสียต่อคนและสังคมย่อมทำความเสียหายมาสู่โลกใบนี้
ทุกวันนี้ผู้คนไม่รู้กฎของธรรมชาติ
คนส่วนใหญ่ พวกเขากระทำการโดยคำนึงถึงประโยชน์ส่วนตนเป็นหลัก
พวกเขาไม่สนใจเรียนรู้กฎแห่งธรรมชาติ มักใช้ชีวิตตามดวงชะตา ผู้คน 90%
ไม่รู้กฎของธรรมชาติ พวกเขาจึงส่งต่อความเชื่อและค่านิยมดั้งเดิม ส่งต่อรุ่นสู่รุ่นเสมอ
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคนจำนวนมากจึงอยู่กับความคิดเก่า นี่คือสาเหตุที่หลายครอบครัวมีปัญหาชีวิตและความผิดหวังมากมายเพราะพวกเขาไม่เข้าใจกฎของธรรมชาติ
ในยุคนี้สังคมมนุษย์ไม่เชื่อว่ามีกฎเกณฑ์ทางธรรมชาติ
มนุษย์มองไม่เห็นว่าเป็นอย่างไรกับเขา แต่พวกเขารักตัวเอง จึงกำหนด "กฎเกณฑ์"
ของตนเอง
ในการตั้งกฎเกณฑ์ของมนุษย์ทุกวันนี้
ส่วนใหญ่ส่งผลเสียต่อกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วย เราสามารถเห็นได้ว่ามีการทะเลาะวิวาท
การประท้วง และการเมืองที่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มของพวกเขาหรือเพื่อคะแนนเสียง
มักมีปัญหาเรื่องความขัดแย้งมากกว่าผลดี ดังที่เห็นในข่าว
เพราะกฎหมายว่าด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและความคิดของคนแฝงไว้ด้วยความคิดที่มีกิเลสตัณหาและเห็นแก่ตัว เมื่อเป็นผู้นำประเทศ มักสร้างกฎเกณฑ์ที่ตั้งขึ้นนั้นเกิดจากอำนาจและความเห็นแก่ตัว
แม้ว่าพวกเขาจะอ้างว่า "เพื่อจุดประสงค์ส่วนรวม"
ผู้เขียนทำอาชีพเป็นทนายความ
เมื่ออายุยังน้อยในการเรียนกฎหมาย
เห็นได้ชัดว่าผลกระทบของการศึกษากฎหมายตามรัฐธรรมนูญ เมื่อพรรคการเมืองเปลี่ยน
รัฐธรรมนูญก็มักจะต้องแก้ไขตามนั้น กฎเกณฑ์ที่มนุษย์ตั้งขึ้นนั้นเกิดจากกิเลส
ความดี และความชั่ว เพื่อให้พวกเขาได้รับการสนับสนุน ต้อนรับ เฉลิมฉลอง คุ้มครอง
และปกป้อง แม้ว่าจะมีคนตายเพื่อสละชีวิตเพื่อข้ออ้างบางประการที่สร้างเรื่องราวขึ้นมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ส่วนตน
กฎที่มนุษย์สร้างขึ้นนี้ ยังได้มาจากพฤติกรรมที่เป็นนิสัยหรือลักษณะนิสัยของมนุษย์ ถ่ายทอดสู่รุ่น การเมืองหรือพรรคการเมืองเกิดขึ้นจากคนประเภทเดียวกัน ดึงดูดกันเพื่อประโยชน์อย่างเดียวกัน มีค่านิยมเดียวกัน ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น มีผลคล้ายกัน มันคือกฎแห่งธรรมชาติ
ชีวิตของคุณเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้น จากอะไร:
คำถามนี่ มีคำตอบ บอกได้เลย มันเกิดขึ้นจากสิ่งที่คุณเลือก คุณเลือกสิ่งต่างๆ เข้ามาในชีวิต หากคุณไม่ได้กำหนดการเลือก ผู้อื่น สังคม ผู้คน และสิ่งแวดล้อมจะกำหนดชีวิตให้กับคุณ
คุณจะพบกลุ่มคนที่คุณไม่ปรารถนาจะเข้ามาในชีวิตของคุณ กลุ่มคนไม่ดีหรือด้านร้ายจะเข้ามาในชีวิตคุณ
แต่ถ้าคุณเลือกที่จะกำหนดชีวิตของคุณวันนี้ จากการรับรู้ที่หลากหลายเลือกรับเฉพาะความดี ตั้งแต่ความคิดของคุณ คุณจะมีความสุข ชีวิตจึงมีแต่ความดีและความสุข
กฎแห่งชีวิตและธรรมชาติของมนุษย์สร้างการเปลี่ยนแปลงให้ชีวิต
ในแนวคิดของ Deepak Chopra ได้ค้นพบกฎแห่งธรรมชาติของมนุษย์
สรุปได้เป็น 7 เงื่อนไข
รูปภาพจาก wikipedia
หากเรานำไปสู่การฝึกฝนจิตใจให้เข้าใจกฎของธรรมชาติและนำความสุขและความมั่งคั่งมาให้
ผู้เขียนค้นคว้าหนังสือของ Deepak Chopra ที่มีเนื้อหาของบทความ
ขอกล่าวถึงกฎแห่งเหตุและผลตามหลักพระพุทธศาสนา
นำเสนอบทสรุปของประเด็นสำคัญจากหนังสือ The Seven Spiritual Laws of
Success ซึ่งเขียนโดย Deepak Chopra แพทย์ชาวอินเดียที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา
และเป็นหนึ่งใน 100 คน
ยอดนิยมของนิตยสาร Time
คุณควรฟังหัวใจของคุณเองและปฏิบัติตาม
ผู้เขียนผสมผสานความรู้ทางการแพทย์ การทำสมาธิล่วงพ้น และคัมภีร์ฮินดูโบราณ
ใช้เป็นแนวทางในการทำให้จิตใจสงบ เป็นการปลุกเหตุแห่งการตื่นรู้ คือ ความคิดเป็นเหตุแห่งทุกสิ่ง เมื่อความคิดคุณตื่นรู้
ชีวิตของคุณย่อมเปลี่ยนตาม
บทความนี้จะนำพาให้คุณเป็นผู้รอบรู้
ร่าเริง ตื่นตัว ช่วยให้มองเห็นสิ่งต่างๆ นั่นจะเป็นความจริงอย่างแน่นอน
ถ้าใครสามารถปฏิบัติตามกฎเจ็ดข้อด้วยความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องและไม่ย่อท้อ
คนนั้นต้องรวยและมีความสุข
กฎเจ็ดข้อมีดังนี้:
กฎข้อที่ 1
กฎแห่งศักยภาพบริสุทธิ์
มีสติสัมปชัญญะอยู่ทุกขณะ สติ คือ
การตระหนักรู้ถึงสิ่งที่ได้รับผลกระทบจากตา หู จมูก ลิ้น และกาย
สติจะเพิ่มระดับของจิตใจ มันทำให้เข้าใจถึงพลังงานธรรมชาติ พลังพระพุทธเจ้า
พลังงานจักรวาล หรือแรงประสาทสัมผัสซึ่งเป็นที่มาของทุกสิ่งในจักรวาล
ด้วยจิตที่สงบและเป็นสุข ย่อมมีปัญญาลึกซึ้ง รู้เหตุผล รู้จักตนเอง รู้เวลาและสถานที่
บุคคล และตนเอง คุณจะสามารถแยกแยะสิ่งที่ควรทำหรือไม่ควรทำ คุณจะรู้ว่าควรเลือกสิ่งใดหรือควรหลีกเลี่ยงสิ่งใด
สามารถมองเห็นสิ่งที่คุณจะต้องทำกับชีวิตของตัวเองได้ และจะรู้ว่าเมื่อใดที่คุณอยู่ใกล้หรือไกลจากเป้าหมายชีวิต
คุณจะรู้ว่าต้องทำอะไรเพื่อสนองตัณหาอย่างไร้ขีดจำกัด และสามารถมองสิ่งต่าง ๆ
ได้อย่างชัดเจนและแก้ปัญหาได้
การเข้าถึงพลังของความรู้สึกเหล่านี้สามารถทำได้โดยวิธีการดังต่อไปนี้:
1.1 การทำสมาธิเพื่อทำให้จิตใจสงบ
เมื่อจิตสงบก็จะมองเห็นสิ่งต่างๆ
1.2 ปล่อยวาง
รับรู้และปล่อยวาง
แต่รู้เมื่อเหตุผลอยู่ในสภาวะสงบสติสัมปชัญญะจะช่วยให้เห็นอัตตาของฉัน
1.3 อยู่ในสภาวะธรรมชาติให้บ่อยและนานที่สุดเพราะสติจะตามมา
สภาพธรรมชาติ เช่น การเดินริมทะเล อยู่ในป่า หรือได้ยินเสียงลำธารต่างๆ
สามารถทำให้จิตใจสงบได้ แล้วปัญญาอันหลากหลายจะสงบลงและคุณจะมองเห็นทางออก
กฎข้อที่ 2
กฎแห่งการให้และการรับ
การให้ไม่ใช่แค่วัตถุ เงิน หรือสิ่งของ แต่ยังรวมถึงการให้ฝ่ายวิญญาณด้วย เช่น ความปรารถนาดีต่อผู้อื่น รู้จักให้อภัย แบ่งปันความสุข และที่สำคัญ ให้ด้วยใจที่บริสุทธิ์ การให้อย่างไม่มีเงื่อนไข คือ การให้โดยไม่คิดถึงสิ่งตอบแทนใดๆ และต้องปฏิบัติในฐานะผู้ให้ก่อน เช่น เมื่อต้องการความรัก เราต้องเริ่มเห็นอกเห็นใจ ความอบอุ่น ความเมตตากรุณาต่อผู้อื่น อยากรวย อยากมีความสุข หรือจะก้าวหน้า ต้องรู้จักการให้ก่อน
นอกจากรู้จักให้แล้ว
ยังต้องเห็นคุณค่า เมื่อไรคุณเห็นคุณค่าของสิ่งที่มี และรู้สึกขอบคุณ การส่งพลังแห่งการขอบคุณสิ่งของต่างๆ ทุกรูปแบบขอบคุณ
มันคือพลังงานดีๆ นั่นคือการเปิดรับยอมรับการให้ ยิ่งถ้าส่งด้วยพลังความรู้สึกจากรอยยิ้มจากภายในหัวใจของคุณ
เป็นคำพูดด้วยความจริงใจอันบริสุทธิ์ คุณย่อมได้รับผลตอบรับกลับมา
กฎข้อที่ 3 กฎแห่งกรรม:
การทำสิ่งใดย่อมได้รับผลแห่งกรรมนั้น เชื่อว่าหลายคนคงได้ยินคำนี่มาก่อน ซึ่งเป็นเรื่องคำสอนที่ส่งต่อมาหลายยุคหลายสมัย เรื่องกฎแห่งกรรมเพื่อไม่ใช้ชีวิตโดยประมาท
ถ้าเราอยากจะมีความสุข เราต้องสร้างปัจจัยแห่งความสุขนั้นขึ้นมา แต่คนส่วนใหญ่ไม่คิด ว่าเป็นปัจจัยในสิ่งที่พวกเขาต้องการเพราะพวกเขามักจะพูดและทำโดยไม่ต้องคิด หากปราศจากความรู้ เราก็ไม่รู้ว่าการกระทำนั้นมีประโยชน์หรือเป็นอันตรายเพียงใดสำหรับเราและผู้อื่น ก่อนพูดหรือลงมือต้องมีสติและรู้ว่าจะพูดอะไรถ้าเราจะทำสิ่งใด การกระทำของเรามีผลตามมา เราจะทำอย่างไรให้เรามีความสุขมากขึ้นหรือไม่มีความสุข ทำให้เราก้าวหน้าหรือถอยหลัง เราควรฝึกสติเมื่อเลือกสิ่งที่เราพูด เลือกว่าจะทำอย่างไร ถ้าเราคิดและไม่รู้ว่าสิ่งที่เราเลือกนั้นถูกหรือผิด ปล่อยให้อารมณ์ของคุณดู ฟังหัวใจของคุณเพราะความรู้สึกของคุณเป็นฐานของปัญญา หัวใจเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง ควรทำหรือไม่ควรทำ หากคุณรู้สึกไม่ดี นั้นคือสัญญาเตือนภัย
กฎข้อที่ 4 กฎแห่งความพยายามน้อยที่สุด (กฎแห่งความพยายามน้อยที่สุด)
การพยายามทำให้น้อย คือ การคิดที่สร้างความทุกข์ทางจิตใจ ความคิดลบทั้งหลาย มองโลกในแง่ร้ายให้คิดให้น้อย และเปลี่ยนมุมมองชีวิตใหม่ สร้างมุมมองให้ตัวเองเกิดความสุขให้มาก ทุกสิ่งเกิดขึ้นมักเริ่มต้นจากความคิดและขยายใหญ่เสมอ
หากเราทำสิ่งที่เราได้ตัดสินใจไปแล้ว ให้ปล่อยอารมณ์ความคิดเป็นอิสระเปิดกว้าง โปร่งโล่ง แสดงว่าการตัดสินใจนั้นถูกต้อง อย่างไรก็ตาม หากคุณทำแล้วแต่กลับมารู้สึกว่าทุกข์ภายหลังไม่ว่าจะทุกข์เพราะอะไรก็แล้วแต่ อารมณ์ที่เกิดขึ้นต่างๆ เช่น เครียด กังวล อึดอัด หงุดหงิด และต้องบังคับ หรือรู้สึกว่าสิ่งที่คุณทำและพูดไปนั้นไม่ถูกต้อง ให้กำหนดจิตบอกตัวเอง "ฉันคิดมากไปแล้ว" หยุดความคิดนั้นเสีย เพราะคุณแก้อดีตไม่ได้ แต่คุณสร้างอนาคตใหม่ได้ ด้วยการทำ ณ ปัจจุบันใหม่ คุณสามารถสร้างสิ่งใหม่ๆ ได้เสมอ ปล่อยวางอดีตเสีย....
ที่สำคัญคือ หลังจากที่เราตัดสินใจเลือกแล้วใช่เลย
เราต้องรับผิดชอบทางจิตใจสำหรับทุกสิ่งที่เราพูดและทำและเราจะไม่โทษผู้อื่น
การชัดเจนกับตัวเองเช่นนี้จะทำให้คุณมีสติ มีสมาธิถึงแม้จะผิดพลาดบ้างก็ไม่เป็นไร
ถือเป็นการเรียนรู้เพื่อไม่ให้ผิดพลาดซ้ำอีก
กฎข้อที่ 5 กฎแห่งจิตและความปรารถนาในปัจจุบัน
กฎแห่งจิตและความปรารถนาในปัจจุบัน หมายถึง การจดจ่อจิตหรือโฟกัสจิตให้อยู่ในปัจจุบันขณะนี้ที่คุณกำลังทำอยู่ อย่างมีสติ
ความสำเร็จทุกความสำเร็จ เกิดจากการกำหนดเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจน คุณอาจกำหนดให้มีเป้าหมายระยะสั้น เป้าหมายระยะกลาง และเป้าหมายระยะยาว แต่ความสำเร็จจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากคุณไม่ได้มุ่งจิตใจคุณโดยให้เน้นที่สิ่งที่คุณกำลังทำลงในปัจจุบัน หากคุณไม่โฟกิจจิตใจให้อยู่ในการลงมือทำในปัจจุบันเป้าหมายที่คุณวางไว้มันจะเป็นเพียงความฝัน ฉะนั้น กฎข้อนี้คุณต้องรวมจิตใจอยู่กับสิ่งที่ทำในตอนนี้ เพื่อสร้างอนาคตใหม่ให้กับคุณ
การอยู่กับปัจจุบัน ไม่คิดมากในอดีต ไม่วิตกกังวลในอนาคตที่ยังไม่เกิดว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะเมื่อเราคิดมาก วิตกกังวล ความทุกข์ก็จะวิ่งเข้ามาคุณ เมื่อมีความทุกข์ต้นเหตุแห่งทุกข์มันเกิดจากความคิดเสมอ เราจึงต้องเชื่อในกฎแห่งกรรม สร้างเหตุปัจจัยสิ่งใดไว้ เราย่อมจะมีสิ่งนั้นเข้ามาในชีวิต
กฎข้อที่ 6 กฎการปล่อยวาง หรือปลดปล่อยจิต (ยึดติด)
สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องฝึกฝน ไม่ใช่ยึดถือ แต่อย่ายึดติด เชื่อในกฎแห่งกรรมว่าทุกสิ่งในโลกนี้ดับและเปลี่ยนแปลง เราได้สร้างปัจจัยใด ๆ แล้วและสิ่งที่เราทำจะส่งผลอย่างไร?
เมื่อคุณให้ความสนใจอย่างเต็มที่กับสิ่งที่คุณทำ
ผลลัพธ์จะไม่เป็นที่น่าพอใจ ปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่น
เพราะสิ่งที่จะบั่นทอนกำลังกายและกำลังใจของเราคือความคิดด้านลบของเรา
ดังนั้น
ก่อนทำสิ่งใด ให้วางแผนอย่างรอบคอบ
เตรียมตัวและทำหน้าที่ให้ดีที่สุดโดยไม่สนใจผลลัพธ์
กฎข้อที่ 7 กฎแห่งเหตุและผล.
สำหรับทุกผลกระทบมีสาเหตุเฉพาะ
ทุกสิ่งในชีวิตของคุณเกิดขึ้นด้วยเหตุผล ผลลัพธ์แต่ละอย่างนำมาซึ่งเหตุ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสำเร็จ ความมั่งคั่ง ความสุข
และความสำเร็จของธุรกิจล้วนเป็นผลมาจากแรงจูงใจ
กล่าวโดยย่อ
หากคุณชัดเจนเกี่ยวกับผลลัพธ์หรือเป้าหมายชีวิตรัก หรือการงาน อาชีพ ธุรกิจ
หรือแม้แต่การเงินของคุณ อะไรก็ตามที่คุณต้องการ
คุณก็สามารถทำทุกสิ่งให้สำเร็จได้ เพียงแค่เรียนรู้ภายในหัวใจของคุณตามอารมณ์ความรู้สึกของคุณให้ทันมัน
และเรียนรู้จากผู้ที่ประสบความสำเร็จในสาขานั้นและปฏิบัติตาม
คุณก็จะได้รับผลลัพธ์เช่นเดียวกันเพราะความสำเร็จไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
มันไม่ใช่ปาฏิหาริย์ และเพราะความสำเร็จ มันไม่ใช่เรื่องของโชคชะตา
แต่ทุกสิ่งล้วนมาจากเหตุและผล ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ไม่ว่าจะบวกหรือลบ
ชีวิตกำหนดได้ กรรม คือ 3 สิ่ง
1.กรรมเกิดจากจิต ++สร้างการกระทำ 2.กรรมเกิดจากจิต ++สร้างภาพจิตนาการ ภาพนึกคิด ภาพมโน 3.กรรมเกิดจากจิต ++สร้างอารมณ์ความรู้สึกทางกาย คือ การกระทำ
ทางวาจา คือ คำพูด
ทางใจ คือ คิดนึก
#แต่สิ่งมหัศจรรย์อยู่ภายในตัวของคุณเอง
#คุณแค่อยู่กับปัจจุบัน สงบจิตใจ มีสติรู้สึกตัวอยู่ทุกขณะ คุณก็พบเจอความสุขอันแท้จริงจากภายในของตัวคุณเอง
#ภาพนี้ ขอให้มองไปที่กลางหน้าผากองค์พระ จ่องสงบนิ่งมองไป 17 วินาที ++#ช่วงที่มองรวมเอาจิตใจทั้งหมดเพ่งสงบอยู่ทึ่บริเวณหน้าผากขององค์พระ ++ ทำได้นานยิ่งดี ++ ..
.นี่คือ ฝึกสมาธิอย่างง่ายๆ
#และให้คุณหลับตาอธิษฐานจิตบอกในสิ่งที่คุณปรารถนา
#ทำแบบเดียวกันนี้เป็นเวลาติดต่อกันต่อเนื่อง 21 วัน สิ่งมหัศจรรย์จะเกิดขึ้นกับคุณ สิ่งที่ปรารถจะบังเกิดขึ้น
#ทดลองตามนี้ การันต์ผลลัพธ์
#ขอให้คุณเชื่อและศรัทธา คุณจะมีพลังงานอันวิเศษจากพลังจักรวาลช่วยเร่งลัดผลสำเร็จ
แค่ลงมือทำไป กฎ 21 วัน
...ไม่มีคำถามไม่สงสัยใด....
#ในแต่ละปี… จงทำชีวิตให้ ” ดีขึ้น “
เพราะในแต่ละวัน… ชีวิตกำลัง ” สั้นลง “
#การ ” อยู่กับปัจจุบัน
”ไม่ใช่การ ” หยุดทำ ” ในเรื่องสำคัญ
แต่มันคือการ ” หยุดทุกข์ ” ไปกับเรื่องที่ไม่สำคัญ
3 กฎทอง #แห่งพลังจักรวาลสร้างความสำเร็จ
1.#กฎแห่งแรงดึงดูด #มนุษย์ทุกคนและสิ่งรอบตัวเรามีคลื่นพลังงานนี้เช่นกัน #คลื่นพลังสิ่งเดียวกันจะถูกดึงดูดเข้าหากันด้วยกฎนี้
2.#กฎแห่งการสร้างออกแบบชีวิต #ทุกคนเป็นผู้เลือก และขยายตัวเองตลอดเวลา ++ตั้งแต่เล็กจนโตเราเป็นผู้เลือกและขยายตัวเองเสมอ..#หากคุณหยุดเลือกหยุดขยายตัวเองผู้คนสังคมจะเป็นผู้เลือกให้คุณ..++#ชีวิตคุณจะเป็นดังที่คุณเลือกและความเชื่อของคุณ
3.#กฎแห่งการเปิดรับ ++#ตั้งจิตทุกขณะ +#การเปิดรับจักรวาล +#คุณจะต้องพร้อมรับฟังหัวใจภายในของคุณ #การเปิดรับ หมายถึง #คุณจะต้องมีตัวรู้..คือ +#รู้ตัวอยู่เสมอ..+#กำหนดอยู่กับการรู้สึกตัวทุกขณะ++#มีสติอยู่กับปัจจุบัน ++#จิตของคุณจะต้องเปิดรับเฉพาะด้านที่ให้ความรู้สึกดี ++#มีความสุข ++#ด้านสิ่งที่คุณปรารถนา..#โฟกัสเฉพาะสิ่งที่ต้องการ..
#เห็นภาพสิ่งที่คุณปรารถนาในสมองให้ชัดเจน..#ความจริงจะเดินตามภาพในสมองของคุณ..
#รับรองด้วยวิทยาศาสตร์ #แห่งการจงใจสร้างให้ตัวเราเป็นผู้สำเร็จ
►รูปภาพ Deepak Chopra วิกีพีเดีย สารานุกรมเสรี
Ami Amornrat ผู้เขียนบทความ
ตู้ชั้นวาง E-book ตัวอย่างอ่านฟรี <<คลิก>>
ตู้ชั้นหนังสือ E-book ตัวอย่างอ่านฟรี
ความคิดเห็น